วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564

ตำรวจ ภ.จว.นนท์ รับลูก ผบช.ภ.1 สั่งฝึกทบทวนยุทธวิถีไม้ง้ามไม้ขอ ระงับเหตุบุคคลคลุ้มคลั่ง

 ตำรวจ ภ.จว.นนท์ รับลูก ผบช.ภ.1 สั่งฝึกทบทวนยุทธวิถีไม้ง้ามไม้ขอ ระงับเหตุบุคคลคลุ้มคลั่ง

นนทบุรี : วันที่ 29 ม.ค.64 ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี จัดโครงการฝึกอบรมยุทธวิธีตำรวจในการเข้าเผชิญเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำปี 2564 ของตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี โดยมี พ.ต.อ.ถาวร  ดุลยวิทย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอ่างทอง ปฏิบัติราชการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เป็นผู้จัดอบรมโครงการดังกล่าว ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานทางยุทธวิธีในการเข้าระงับเหตุ และสร้างความปลอดภัยแก่ตนเองและประชาชน


พ.ต.อ.ถาวร ดุลยวิทย์ รอง ผบก.ภ.จว.อ่างทอง ปฏิบัติราชการ ภ.จว.นนทบุรี กล่าวว่า  ทั้งนี้หลังจากได้รับมอบหมายนโยบายจาก พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 ซึ่งได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมงานล่าสุดแล้วพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดป้องกันและปราบปราม ในพื้นที่ สภ.บางบัวทอง และ สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรีต้องเผชิญเหตุซึ่งหน้ากับบุคคลคลุ้มคลั่งจากฤทธิ์ยาเสพติด โดยขาดอุปกรณ์ในการเข้าระงับเหตุเช่นไม้ง้าม ไม้ขอ ตามหลักยุทธวิธีที่ถูกต้อง ทำให้การเข้าระงับเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปด้วยความสุ่มเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ทาง ผบช.ภ.1 จึงได้มอบหมายให้ทาง ภ.จว.นนทบุรี จัดโครงการฝึกอบรมยุทธวิธีในการเข้าเผชิญเหตุขึ้นด้วยความห่วงใยในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายในสังกัด ทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี 


พ.ต.อ.ถาวร ดุลยวิทย์ กล่าวว่า การจัดฝึกอบรมยุทธวิถีในการเข้าระงับเหตุเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรณีเผชิญเหตุซึ่งหน้ากับคนร้ายหรือบุคคลคลุ้มคลั่งในวันนี้ เพื่อต้องการลดความเสี่ยงและอันตรายต่างๆให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าระงับเหตุหรือเผชิญเหตุซึ่งหน้า ดังนั้นเพื่อป้องกันอันตรายกับทางชีวิตและร่างกายให้กับทุกฝ่าย จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ภ.จว.นนทบุรี จะต้องมีความพร้อมในปฏิบัติหน้าที่ระหว่างเข้าระงับเหตุให้ถูกต้องตามหลักยุทธวิธีหลักกฎหมายและหลักสากล ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสายตาประชาชนอีกด้วย 


ทั้งนี้จากการรวบรวมสถิติตามที่ได้รับแจ้งเหตุบุคคลคลุ้มคลั่งในพื้นที่นครบาลพื้นที่ จ.นนทบุรี และพื้นที่อื่นๆ พบว่าในปัจจุบันเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดป้องกันและปราบปราม มีแนวโน้มในการเผชิญเหตุบุคคลอาละวาดหรือคลุ้มคลั่งในลักษณะดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องเผชิญเหตุซึ่งหน้า หรือมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าทำการระงับเหตุ จำเป็นต้องใช้ยุทธวิธีและอุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในการเข้าควบคุมสถานการณ์โดยถูกวิธี

ศุภชัย สินธ์ประเสริฐ : นนทบุรี





วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2564

ร่วมอาลัย "คุณสมหมาย รอดโพธิ์ทอง " อดีตอุปนายกภาคตะวันออกเฉียงเหนือ "สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย"

  


ร่วมอาลัย "คุณสมหมาย รอดโพธิ์ทอง " อดีตอุปนายกภาคตะวันออกเฉียงเหนือ "สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย"


ขอขอบคุณท่านคณะกรรมการบริหารสมาคมท่านที่ปรึกษาและสมาชิก "สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย(สภท.56ปีที่ได้ร่วมช่วยงานแก่ผู้วายชนม์ "คุณสมหมาย รอดโพธิ์ทอง " อดีตอุปนายกภาคตะวันออกเฉียงเหนือ "สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย


วันพุธที่ 27 มกราคม 2564  โดยมีกำหนดการฌาปนกิจศพ เวลา 16.00  วัดพืชอุดม 

ตำบลพืชอุดม อำเภอลำลูกกา(คลอง13) จังหวัดปทุมธานี และได้เงินช่วยเหลือจำนวนเงิน "31,500 บาทจากเราชาวสภททั้งหมด 28 ท่าน โดยมอบเงินให้แก่ "คุณบังอร รอดโพธิ์ทอง (ภรรยา)" โดยรายชื่อผู้ร่วมทำบุญดังนี้...

1. คุณอนันต์ นิลมานนท์ 2,000 บาท

2. คุณเมฆงาม บัวเลียง 1,000 บาท

3. คุณธวัชชัย เฟื่องอนันต์ 200 บาท

4. คุณอรรถการ ตฤษณารังสี 2,000 บาท

5. ดร.พีรวัฒน์ สุรเศรษฐ 2,000 บาท

6. ดร.วิชา จุ้ยชุม 1,000 บาท

7. คุณปัญญ์ฐินี พงษ์เดชอารีกุล/สุ 1,000 บาท

8. คุณอลงกรณ์ พลบุตร 2,000 บาท 

9. คุณชวนินทร์เพชรประดับ 500 บาท

10. คุณฐากูร คงมิ่ง 1,000 บาท

11. คุณพีรพล แสงสุนีย์ 1000 บาท

12. คุณบังอร ศกุนะสิงห์ 1,000 บาท 

13. คุณบุญเลิศ พุทธเจริญ 2,000 บาท

14. ผศ.ดำรงค์ พรสุภัทร 1,000 บาท

15. ทนายธรากร ธนาชัยสุทธิ 1,000 บาท

16. พลโทมีชัย ห้องริ้ว 1,000 บาท 

17. ท่านอธิบดียุทธนา หยิมการุณ 3,000 บาท

18. คุณรันต์ดร คงแสนคำ 500 บาท

19. คุณอริยา ขัติวงศ์ 1,000 บาท

20. คุณกวีพงษ์ ประเทืองสุขสาคร 1,000 บาท

21. คุณศุภเดช ธนูศร 300 บาท

22. คุณวันทนา วิริยะกุล 500 บาท

23. คุณกฤษติน นิลมานนท์/ไกด์  500 บาท

24. คุณสุจิตรา แก้วเงิน 1000 บาท

25. คุณการุณ ตระกูลพุทธรักษา 1,000 บาท

26. คุณพลณนคร ธนพชรกนกภณ(น้อย) 500 บาท

27. คุณเสมอ-คุณอุมาลี บุญญาวัลย์ 2,000 บาท 

28. คุณจรัสแสง ศิลานนท์ 500 บาท

ยอดรวมทั้งหมด 28 ท่าน ที่ร่วมทำบุญเป็นเงิน 31,500 บาท



กรมเจ้าท่า เร่งปรับปรุงท่าเทียบเรือ จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2 แห่ง รองรับการท่องเที่ยวหลังโควิด - 19

       กรมเจ้าท่า เร่งปรับปรุงท่าเทียบเรือ จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2 แห่ง รองรับการท่องเที่ยวหลังโควิด - 19

     กรมเจ้าท่า เร่งปรับปรุงท่าเทียบเรือท้องศาลาและท่าเทียบเรือหาดริ้น อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 

รองรับการท่องเที่ยวและการบริหารจัดการภายในท่าเทียบเรือให้มีความปลอดภัย ทั้งยังเป็นจุดเชื่อมต่อศูนย์กลางการท่องเที่ยวหมู่เกาะธรรมชาติมากมาย อาทิ เกาะสมุย เกาะเต่า เกาะนางยวน เกาะม้า นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอันดับต้นๆ ของประเทศที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติหลั่งไหลไปเยี่ยมเยือนปีละหลายล้านคนการปรับปรุงท่าเรือจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2565





     นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า กรมเจ้าท่า เป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม มีบทบาทและภารกิจเกี่ยวกับการควบคุม กำกับ ดูแล และพัฒนาส่งเสริมการคมนาคมทางน้ำให้ได้รับความปลอดภัยสะดวก รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาปรับปรุงท่าเทียบเรือจึงเป็นไปตามภารกิจของกรมเจ้าท่า ด้านโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำ สอดคล้องนโยบายรัฐบาล ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ เนื่องจากท่าเรือเป็นประตูที่เชื่อมโยงการคมนาคมทางน้ำและทางบก ซึ่งท่าเรือดังกล่าวมีโครงสร้างชำรุดและเสียหายไปตามเวลา จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงและซ่อมแซม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและผู้โดยสารทางเรืออีกทั้ง ยกระดับมาตรฐานท่าเรือให้สูงขึ้น โดยพัฒนาระบบบริหารจัดการระบบควบคุมความปลอดภัยทั้งเรือและผู้โดยสารภายในท่าเรือ เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยแก่เรือและผู้โดยสารที่มาใช้ท่าเทียบเรือ กรมเจ้าท่า จึงได้ว่าจ้างบริษัท พร้อมมิตร เอส เอ เอฟ ที จำกัด ในการปรังปรุงท่าเทียบเรือ 2 แห่ง เริ่มสัญญาเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563 - 5 ธันวาคม 2565 รวมระยะเวลาการปรับปรุงประมาณ 900 วัน เป็นการดำเนินงานในระยะเวลาตามแผนงาน ซึ่งการปรับปรุงท่าเทียบเรือท้องศาลา โดยจะปรับปรุงคานคอนกรีต ให้มีความคงทนและแข็งแรงเพิ่มขึ้น รองรับการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่อมแซมหลักกันกระแทกเรือ การติดตั้งเสาไฟ High Mast ที่มีความแข็งแรง ทนทาน และมีอายุการใช้งานยาวนาน ปรับระบบรอกRamp และทางขึ้นลงท่าเรือปรับระบบไฮดรอลิก เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายได้สะดวกยิ่งขึ้น ปรับปรุงอาคารอเนกประสงค์ ให้มีความสวยงามมากขึ้น และสร้างอาคารพักคอย 1 อาคารพักคอย 2 ไว้สำหรับรองรับผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น รวมถึงมีระบบห้องควบคุมความปลอดภัย ได้แก่ ควบคุมระบบน้ำประปา ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง เป็นต้น ในส่วนท่าเทียบเรือหาดริ้น จะทำการรื้อถอนโครงสร้างเพื่อสร้างท่าเรือขึ้นใหม่ ให้มีความแข็งแรงและปลอดภัยต่อการใช้งาน เสริมยางกันกระแทก รางระบายน้ำ หลักผูกเรือ เพื่อลดความเสียหาย สร้างอาคารพักคอยและห้องน้ำ เพื่อรองรับผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าเรือรวมทั้งสร้างโป๊ะท่าเทียบเรือ จำนวน 3 โป๊ะ และโป๊ะคอนกรีตกันคลื่น จำนวน 3 ชุด เพื่อรองรับการขนส่งทางน้ำเพิ่มมากขึ้น 





      ทั้งนี้ การปรับปรุงท่าเทียบเรือท้องศาลาและท่าเทียบเรือหาดริ้น เป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยท่าเทียบเรือที่มีความทันสมัย มีอาคารพักคอย มีทางขึ้นลงท่าเรือปรับระบบไฮดรอลิก และทางเดิน Walk Way อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ ให้มีความปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำกรมเจ้าท่า อีกทั้ง เป็นการสนับสนุนและส่งเสริมระบบขนส่งพาณิชยนาวีให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

_____________________________

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม 

โทรศัพท์ 02-233-1311-3 ต่อ 280 หรือ 203

E-Mail : Pr@md.go.th





วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2564

จับมือกันฝ่าวิกฤตโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่เพื่อช่วยเหลือคนพิการทางการเห็น (คนตาบอด) ทั่วประเทศ


เปิดโครงการ “สมาคมประชาคมคนตาบอดไทยมอบแสงสว่างส่งพลังใจเพื่อคนตาบอดสู้ภัยโควิด 19” พกร่วมกับสมาคมประชาคมคนตาบอดไทย แถลงข่าวเปิดตัวโครงการช่วยเหลือคนตาบอด สู้ภัยโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่


วันที่ 26 .. 2564 เวลา 14.30  อาคารศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก (APCD) ชั้น 1 บ้านราช วิถี กรุงเทพฯ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ร่วมกับสมาคมประชาคมคนตาบอดไทย จัดงานแถลงข่าวเปิดโครงการ “สมาคม ประชาคมคนตาบอดไทย มอบแสงสว่าง ส่งพลังใจ ช่วยเหลือคนตาบอดสู้ภัยโควิด-19” เพื่อช่วยเหลือคนพิการทางการเห็น (คนตาบอดทั่วประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) ที่ระบาดระลอกใหม่ โดยมี นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นประธานในพิธีแถลงข่าวฯ และ นายพัฒน์ธนชัย สระกวี นายกสมาคมประชาคมคน ตาบอดไทยกล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดทำโครงการฯ พร้อมด้วย ผู้แทนคนพิการทางการเห็นในสาขาอาชีพต่างๆ ผู้ช่วยคนพิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานแถลงข่าว




นางสาวสราญภัทรฯ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) มีภารกิจสำคัญในการพัฒนาคนและสังคมให้มีคุณภาพเต็มศักยภาพและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง สร้างเสริมการมีส่วนร่วมทางสังคมในทุกระดับ กับทุกภาคส่วน พัฒนาองค์ความรู้ ขีดความสามารถและระบบการบริหารจัดการด้านการพัฒนาสังคมคนพิการ การจัดระบบสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย เพื่อให้ประชาชนมีหลักประกัน และมีความมั่นคงในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุ่งเน้นให้คนพิการสามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงส่งเสริมและพิทักษ์สิทธิของคนพิการร่วมกับภาคีเครือข่าย องค์กรด้านคนพิการตลอดจนส่งเสริมการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากสื่อ สิ่งอำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ เพราะเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง




ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 ส่งผลกระทบต่อคนทั่วโลกและประเทศ ไทย ซึ่งในกลุ่มคนพิการ โดยเฉพาะคนพิการทางการเห็น หรือ คนตาบอด ที่ต้องใช้ชีวิตยากลาบากขึ้นกว่าคนทั่วไป ทางกระทรวงฯ ได้ ตระหนักในปัญหาที่เกิดขึ้น และได้ร่วมมือกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ ในการที่จะช่วยเหลือเยียวยาคนพิการทุกคน ให้ดำรงตนอยู่ในสภาวการณ์ นี้ โดยนอกจากการช่วยเหลือบริการทางสังคมและสวัสดิการความช่วยเหลืออื่นจากรัฐแล้ว ยังได้ระดมความช่วยเหลือจากภาคประชาสังคม และองค์กรภาคเอกชนอื่นๆ และในวันนี้ สมาคมประชาคมคนตาบอดไทย เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ได้ดำเนินโครงการ “สมาคมประชาคมคนตา บอดไทย มอบแสงสว่าง ส่งพลังใจ ช่วยเหลือคนตาบอดสู้ภัยโควิด 19” เพื่อช่วยเหลือคนพิการทางการเห็นทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก โรคระบาดโควิด-19 ที่มีการระบาดระลอกใหม่ ภายใต้มาตรการการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด




นอกจากนี้ ภายในงาน ยังได้มีการสัมภาษณ์ตัวแทนคนพิการทางการเห็นที่ประกอบอาชีพในสาขาต่างๆ ได้แก่ นางมาตยา ล่อง กาศ หมอนวดคนตาบอด นายมนตรี บรรยาคา ศิลปินนักร้อง/นักดนตรีคนตาบอด นางสาวชญาณิชฐ์สว่างพิภพ อาชีพจาหน่ายสลากกิน แบ่งรัฐบาล ได้บอกเล่าถึงผลกระทบในช่วงโรคระบาดโควิด-19 รวมไปถึงการปรับตัวในการใช้ชีวิตแบบ “New Normal” ในมุมมองและ ทัศนคติของคนตาบอดด้วย นอกจากนี้ยังมีเหล่าคนดังใจบุญอาทิ พญ.พลอยลดา ธนาไพศาลวรกุลนุชนาถ ระวีแสงสูรย์ศศิวิมล ดารา รัตนโรจน์ และ ปิยะมาลา ดาริกาญจน์ มาร่วมงานพร้อมทั้งยังได้มอบถุงยังชีพ และเงินสมทบทุนให้กับสมาคมประชาคมคนตาบอดไทย เพื่อนาไปช่วยเหลือเยียวยาคนตาบอดที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด 19 ในครั้งนี้ด้วย




จากนั้น นายพัฒน์ธนชัย สระกวี นายกสมาคมประชาคมคนตาบอดไทย กล่าวว่า โครงการ “สมาคมประชาคมคนตาบอดไทย มอบแสงสว่าง ส่งพลังใจ ช่วยเหลือคนตาบอดสู้ภัยโควิด 19” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คาปรึกษาแนะนาเกี่ยวกับการปฏิบัติตน เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แก่คนตาบอด ผู้ดูแลคนพิการ และครอบครัวของคนตาบอดและเพื่อระดมทุนทั้งเงินและสิ่งของไปช่วยเหลือ เยียวยาคนตาบอดที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) โครงการฯนี้ ได้ดำเนินการตามนโยบาย “ประชารัฐ” ของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมต่อการจัดสวัสดิการสังคม สำหรับผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการร่วมบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือคน ตาบอดสู้ภัยโควิด-19 ท่านสามารถบริจาคโดยการโอนเงินผ่าน บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาเซ็นจูรี่ ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี กองทุน ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนตาบอดในประเทศไทย หมายเลขบัญชี 481 – 0 – 14002 – 4 หรือบริจาคเป็นสิ่งของด้วยตนเอง หรือจัดส่งทางไปรษณีย์ได้ที่ เลขที่ 63/374 บางใหญ่ซิตี้ ซอย 10/11 หมู่ 6 .เสาธงหิน .บางใหญ่ .นนทบุรี11140

 ทั้งน้ีสอบถามรายละเอียดได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 089 994 6656 หรือ สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อรับข้อมูลข่าวสารของสมาคมฯ ผ่านไลน์ แอพพลิเคชั่นได้อีกด้วย 



วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2564

ประธานกตตร.จังหวัดนนท์ และนักศึกษาปปร. 24 ร่วมงานสวดอภิธรรม นาวาเอกประสิทธิ์ ต๊ะวิชัย

  


ประธานกตตร.จังหวัดนนท์ และนักศึกษาปปร. 24 ร่วมงานสวดอภิธรรม นาวาเอกประสิทธิ์ ต๊ะวิชัย

ดร.ชัยรัตน์ จํานงค์การ ประธานกตตรจังหวัดนนท์ภาคประชาชน และนักศึกษาปปร. 24 ร่วมงาน สวดอภิธรรม นาวาเอกประสิทธิ์ ต๊ะวิชัย(บิดาของพล...ปิยะ ต๊ะวิชัย ศาลา 5/1  วัดตรีทศเทพวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานครฯ